

โปรแกรมดีท็อกซ์

Colon Hydrotherapy
ฟื้นฟูลำไส้ ด้วยน้ำบริสุทธิ์ 100%
Colon Hydr otherapy คือ การใช้น้ำสะอาดเข้าไป #ล้างลำไส้ใหญ่ โดยการใช้เครื่องสำหรับ Colonic โดยเฉพาะใช้
ส่วนผสมของน้ำผ่านการกรองด้วยระบบ Reverse Osmosis (บริสุทธิ์ 100% ซึ่งจะควบคุมแรงดันน้ำและอุณหภูมิที่
เหมาะสมโดยใช้ปริมาณน้ำเข้า-ออก ประมาณ 24 ลิตร
โปรแกรมนี้มีประโยชน์อย่างไร ช่วยอะไรคุณได้บ้าง?
✓ ช่วยทำให้ระบบลำไส้แข็งแรง ระบบขับถ่ายกลับคืนสู่สภาพที่ดี
✓ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
✓ ช่วยป้องกันอาการท้องผูก และรักษาระดับการขับถ่ายให้เป็นปกติ
✓ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินและสารอาหารของร่างกาย
✓ ช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างฮอร์โมนและระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
✓ ช่วยลดการสะสมของสารพิษและของเสียในร่งกาย
✓ ช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น

Plasmapheresis DFPP
Plasmapheresis หรือ DFPP
เป็นกรรมวิธีการกรองพลาสมา หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า การฟอกพลาสมา เพื่อนำพลาสมาที่ไม่ดี หรือเป็นพิษออก จากร่างกาย โดยการแยกทิ้งส่วนที่อันตรายออกไป ส่วนเม็ดเลือดที่ดีก็ส่งคืนกลับสู่ร่างกาย พร้อมกับชตเชยส่วนของพลาสมา ด้วยสารอัลบูมินหรือพลาสมาแช่แข็ง (fresh frozen plasma)
ทำ Plasmapheresis เพื่ออะไร
เพื่อเอาภูมิต้านทาน (Antbody ที่ผิดปกติออกจากร่างกาย เช่น ในผู้ป่วยกลุ่มโรค SLE ที่มีอาการรุนแรง เพื่อทดแทน เช่น ในโรคที่ร่างกายขาดสารบางอย่าง จำเป็นต้องเอาพลาสมาที่ไม่สมบูรณ์ออก แล้วเติมพลาสมาที่มีสาร ครบถ้วน เข้าไปแทน เพื่อปรับหรือเปลี่ยนระบบภูมิต้านทานในร่างกายให้สมดุล
กลุ่มโรคที่ต้องรักษาตัวยวิธี Plasmapheresis
โรคเกี่ยวกับระบบประสาท (Nervous System) อาจเกิดจากภาวะติดเชื้อ หรือภูมิต้านทานทำลายตัวเอง แล้วร่างกาย สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาทำลายเซลล์ประสาท ส่วนมากมาพบแพทย์ตัวยอาการแขนขาอ่อนแรง หรือขยับไม่ได้เลย เช่น โรค Gullian Barre’ Syndrome (GBS), Myasthenia Gravis โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายอวัยวะของตัวเอง เช่น โรคข้อ (Rheumatology Syndromes)
โรคกลุ่ม SLE
กลุ่มโดเล สเตอรอลในเลือดสูงมาก จากพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และหรือ ที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ พบบ่อยในยูโรป และกลุ่มอื่น ๆ เช่น โรคผิวหนังอักเบบางโรด อาการเส้นเลือตที่เท้าอุตตัน มีเลือดไปเลี้ยงบริเวณเท้าไม่พอ ทำให้มีอาการปวดเท้า ปวดน่อง การฟอกพลาสมาจะช่วยกำจัดความหนืดของหลอดเลือดได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด
ล้างสารพิษในตับ (IV DRIP)
ล้างตับ ด้วยโปรแกรม IV Drip Liver Detox ที่ S-Mart Anti-aging And Wellness Center
วิตามินสูตรบำรุงตับ ส่งเสริมกระบวนการขับสารพิษจากตับให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง กลับมามีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น หายจากอาการแฮงค์ได้เร็วขึ้น เร่งการขจัดแอลกอฮอล์ เหมาะกับผู้ที่ชอบสังสรรค์
ประโยชน์ของ IV Drip Liver Detox
✓ เติมความสดชื่น
✓ ลดความเหนื่อยล้า
✓ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
✓ เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับร่างกาย
✓ ดูดซึมวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า 90%
✓ เติมสาร Super ANTIOXIDANT

Detox Capsule (การล้างสารพิษด้วยสมุนไพร)
Detox Capsule คือ สารอาหารเสริมจากสมุนไพรไทยธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ส่งเสริมกระตุ้น ให้ลําไส้เล็กและลําไส้ใหญ่เกิดการบีบตัว ขับของเสียออกจากลําใส้ หรือเร่งขบวนการขับถ่ายนั่นเอง คือ มีฤทธิ์ที่แรงกว่ายาระบายทั่ว ๆ ไป เพราะการที่ท้องผูกหรือการขับถ่ายที่ช้า ก็จะส่งผลให้ของเสียที่คั่งค้างอยู่ในลําไส้จะเกิดการดูดซึมย้อนกลับผ่านผนังลําไส้ เข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง ทําให้เซลของร่างกายเกิดการทํางานแปรปรวนได้
Detox Capsule ประกอบไปด้วยสารสกัดจากสมุนไพรตามธรรมชาติของไทย ได้แก่ ดอกชุมเห็ดเทศ ดอกคําฝอย เนื้อลูกสมอไทย เนื้อลูกสมอเทศ เนื้อลูกมะขามป้อม ถั่วขาว
ประโยชน์ที่ได้รับ
- ขจัดสารพิษตกข้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้ดีขึ้น
- เซลร่างกายแข็งแรงขึ้น ทํางานดีขึ้น
- ป้องกันโรคความเสื่อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
- ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
SKS Detox เหมาะสมสําหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย หรือท้องผูก ปวดหัวบ่อย เครียด หงุดหงิด สมองมึนงง อ่อนเพลีย รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ปวดหลังปวดไหล่ ปวดต้นคอ ท้องอืด ปวดท้องบ่อย ผายลมบ่อย มีกลิ่นลมหายใจ กลิ่นตัว สิวเสี้ยน สิวอักเสบ มีแผลร้อนในเป็นประจํา รับประทานทานครั้งละ 1-4 เม็ดก่อนนอน (อาจเริ่มต้น 4 เม็ดเลยในครั้งแรก และหากมีอาการขับถ่ายที่รุนแรงมากเกินไป อาจปรับลดลง ครั้งละ 1 เม็ด จนการขับถ่ายพอดี เหมาะสมกับแต่ละคน) และจะเริ่มรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ ในอีก 4-6 ชั่วโมงถัดมา ซึ่งอาจจะถ่ายเป็นน้ำสีคล้ำ หรือมีกลิ่นเหม็นมากในช่วงแรก ๆ สามารถทานไปเรื่อย ๆ ได้ตลอดทุกวัน โดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว หรือทําให้ระบบการขับถ่ายแปรปรวน
14 Days Detox Diet Program (โปรแกรมการล้างสารพิษ 14 วัน ด้วยการทาน)
ทําไมต้อง Detox เพราะชีวิตปัจจุบันเต็มไปด้วย มลพิษมลภาวะรอบตัว ร่างกายเราจึงมีโอกาสสะสมมลพิษ จากสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ อยู่ทุกวันตลอดเวลา เมื่อสะสมมากพอถึงระดับหนึ่ง ก็อาจจะทําให้เซลร่างกายเกิดการทํางานผิดปกติ และมีอาการแสดง ซึ่งในบางครั้งก็อาจจะไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือไม่ทราบสาเหตุของอาการเหล่านั้น เช่น เป็นผื่นคันไม่รู้สาเหตุ แพ้ง่าย เป็นสิวเรื้อรัง ผื่น ผิวหนังอักเสบคล้ายรังแค เหนื่อยง่าย มึนงง หลงลืมง่าย โรคแพ้ภูมิร่างกายตนเองต่าง ๆ ในความเป็นจริงแล้วร่างกายของเราก็พยายามที่จะขจัดหรือขับสารพิษนั้น ๆ ออกจากร่างกายอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่า ในบางปัจจัยขบวนการขจัดสารพิษเหล่านี้เกิดขึ้นไม่สมบูรณ์หรือไม่ทันต่อสารพิษที่เกิดขึ้น เช่น ร่างกายบางคนมีจุดอ่อน ในการขจัดสารพิษ หรือได้รับสารอาหารที่ช่วยในการขจัดสารพิษ (พวกวิตามินหรือเกลือแร่) ไม่เพียงพอ หรือสารพิษเหล่านี้ มีปริมาณมากกว่าที่ร่างกายจะขจัดออกได้ ก็จะทําให้อาการต่าง ๆ ที่เกิดจากการสะสมของสารพิษเกิดขึ้นอย่างเรื้อรังและต่อเนื่อง และลุกลามกลายเป็นปัญหาต่อสุขภาพในอนาคต เช่น โรคเสื่อมต่าง ๆ ภาวะการแก่ก่อนวัยอันควร หรือกลายเป็นมะเร็ง เป็นต้น
หลักการเป็นอย่างไร
- หยุดอาหารที่น่าสงสัยว่าจะเป็นแหล่งนำสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
- ให้สารอาหารหรือรับประทานอาหารที่มั่นใจว่าปลอดสารพิษ หรือมีสารพิษน้อยที่สุด ได้แก่
–อาหารซองสําเร็จรูปที่ประกอบไปด้วยสารอาหารครบถ้วน และมั่นใจในการผลิตว่าปราศจากสารเคมีปนเปื้อน ยาฆ่าแมลง สารกันบูดต่าง ๆ
–อาหารปกติที่ควบคุมจะจํากัดการทานอาหารเฉพาะจําพวก ผัก ผลไม้ และปลา เท่านั้น
-ใช้วิธีการปรุงแบบนึ่ง ต้ม สด ดิบ
-เลี่ยงอาหารมัน ทอด ปิ้ง ย่าง
- หากผู้ที่หวังผลการลดน้ำหนัก อาจงดพวกแป้งและข้าวไปเลย หากต้องการทานอาจอนุโลมเป็นข้าวกล้องได้ ตั้งแต่วันที่ 4 เป็นต้นไป
- ให้สารอาหารที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ได้แก่ กลุ่มโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ ในระดับปริมาณสูง (Optimal Level)
- ให้สารอาหารที่ช่วยขจัดสารอนุมูลอิสระ เช่น พวกแอนติออกซิแดนท์ หรือสารอาหารที่ช่วยเร่งปฏิกิริยา การขจัดสารพิษจากร่างกายโดยตับ เช่นในกลุ่มวิตามิน และเกลือแร่ต่าง ๆ
ทําแล้วได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง
- ช่วยบํารุงผิวพรรณให้สดใส
- ช่วยบํารุงกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง และทํางานได้ดี
- ช่วยลดการสะสมของไขมัน
- ช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลําไส้ให้หมดไป
- ช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 3-5 กิโลกรัม
Snow White Program (โปรแกรมสโนวไวท์)
เป็นโปรแกรมพิเศษสุด โดยการให้สารอาหารกรดอะมิโน วิตามิน สารแอนติออกซิแดนท์แก่ร่างกาย ทางหลอดเลือด ในสูตรผสมที่เหมาะสมลงตัวของสมาร์ทคลินิก ที่ช่วยตับในการล้างพิษ และยังส่งผล ให้เม็ดสีผิวของร่างกายกระจ่างใสขึ้น การทําแต่ละครั้งใช้ระยะเวลาประมาณ 15-25 นาทีต่อครั้ง สามารถทําซ้ำได้ทุก 2-4 สัปดาห์ ประมาณ 5 ครั้งต่อเนื่องกัน
Cys-Gly-Glu 1,200 mg
เป็นกรดอะมิโน 3 ชนิด ที่เป็นองค์ประกอบ ของสารกลูตาไธโอน ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่ช่วยร่างกาย ในการขจัดสารพิษออกจากร่างกายอย่างปลอดภัย และยังช่วยลดการสร้างเซลเม็ดสีส่วนเกิน ทําให้ผิวแลดู สว่างสดใส ไม่หมองคล้ำ และมีสุขภาพดี
Vitamin C 1,000 mg
เป็นตัวเดียวที่ละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน มีคุณสมบัติพิเศษ ในขบวนการนํากลับมาใช้ใหม่ของ Vitamin C และ E
Naringin 500 mg
เป็นพฤกษเคมีที่พบในพืชตระกูลส้ม มีคุณสมบัติเป็น แอนติออกซิแดนท์ ช่วยเสริมการทํางานของวิตามินซี
Alpha Lipoic Acid 350 mg
เป็น Anti-oxidant ตัวเดียวที่ละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน มีคุณสมบัติพิเศษในขบวนการนํากลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ของ Vitamin C และ E
Methionine 250 mg
เป็นกรดอะมิโนที่เกี่ยวข้องในขบวนการขจัดสารพิษ ของร่างกาย
N-Acetylcysteine (NAC) 200 mg
เป็นกรดอะมิโนที่มีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายสร้าง สารกลูตาไธโอน ซึ่งมีบทบาทสําคัญในขบวนการขจัดล้างสารพิษของร่างกายโดยตับ (Liver detoxification)
Chelation (oral/IV/suppository) การล้างสารพิษ
คีเลชั่น (Chelation) คือ การให้สารน้ำทางหลอดเลือด (ให้น้ำเกลือ) ที่มีสารประกอบ ประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่ง EDTA ทําหน้าที่สําคัญ ในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือ แม้แต่แคลเซียมส่วนเกิน ซึ่งสะสมตกค้าง ในเนื้อเยื่อ และพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดของเรา เพื่อขจัดออกจากระบบปัสสาวะ ระยะเวลา ในการให้น้ำเกลือแต่ละครั้ง ประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง ระหว่างที่ให้น้ำเกลือสามารถ พักผ่อน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ตาม ปกติธรรมดา ภายหลังจากการเสร็จการรักษาสามารถ ประกอบกิจกรรมได้ตามปกติไม่จําเป็นต้องนอนพัก
ทําไมต้องทํา Chelation Therapy?
โลกที่เต็มไปด้วยมลพิษ ทั้ง น้ำ และอากาศ ดิน อาหาร ทุกอย่างล้วนมีโอกาสที่จะปนเปื้อนสารพิษ โลหะหนักได้ สารพิษโลหะหนักพบได้ในวัสดุก่อสร้าง เครื่องสําอาง ยารักษาโรค อาหารที่ผ่าน กระบวนการต่าง ๆ แหล่งเชื้อเพลิงผลิตภัณฑ์สําหรับดูแลสุขภาพ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ ก่อให้เกิดความผิดปกติในการแบ่งตัวของเซลล์ ทําให้ความสามารถในการนําสารอาหารไปหล่อเลี้ยง อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเสื่อมสภาพของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์ที่ได้รับ
- ขจัดสารพิษตกข้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด
- ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
- ทําให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
- ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบแคบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด
- ป้องกันโรคความเสื่อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
คีเลชั่นเหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม มีไขมันในเส้นเลือดสูง มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูง) เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือคนในบ้านในที่ทํางานสูบ ฯลฯ
- ผู้ที่มีปัญหาพิษโลหะสะสมและปัญหาสารพิษอื่น ๆ สะสมในร่างกาย
- ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนเลือดบกพร่องมีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ
- ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
- ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือด ตีบตัน รวมทั้งต้องการกําจัดสารพิษและโลหะหนัก ออกจากตัวและต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต
- ผู้ที่ไปทําบอลลูนเส้นเลือด ใส่ขดลวด ทําบายพาส มาแล้ว เพราะจะเกิดการอุดตันใหม่เร็ว ๆ นี้ การทําคีเลชั่น จะลดปัญหาเหล่านั้นได้
ข้อควรทราบเมื่อต้องการทําคีเลชั่น
ควรตรวจร่างกายเพื่อประเมินปัญหาที่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจประสิทธิภาพการทํางานของไต ก่อนเข้ารับบริการ ระหว่างการรักษา ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากขึ้น แนะนําให้ดื่มน้ำผลไม้ เพราะระหว่างการทําอาจทําให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีวิตามิน แร่ธาตุ พอเพียงต่อการเสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกาย
สําหรับขั้นตอนการบําบัดรักษาประกอบด้วย
พบแพทย์เพื่อซักถามประวัติและตรวจร่างกาย อย่างละเอียด โดยจะมีการคํานวณปริมาณยาที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล ทําการตรวจ LAB พื้นฐานเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทําการตรวจวิเคราะห์ผลเลือด (Live Blood Analysis) ซึ่งเป็นขั้นตอน ที่สําคัญมากสามารถบ่งบอกภาวะของเลือด ในขณะที่เซลล์ยังมีชีวิต ซึ่งสามารถประเมินภาวะของร่างกายได้หลากหลายครอบคลุม ในหลาย ๆ โรค ทําการบําบัดด้วย คีเลชั่นบําบัดตามสูตรยาที่เหมาะสม แก่ผู้เข้ารับการบําบัดแต่ละราย นัดติดตามผลเป็นระยะ ซึ่งระยะเวลาขึ้นกับลักษณะของโรคที่เรามีปัญหาอยู่
หากเราตรวจพบว่ามีสารโลหะหนักในร่างกาย วิธีการขจัดสารโลหะหนักนอกจากจะใช้วิธีล้างสารพิษ แบบทั่ว ๆ ไปแล้ว วิธีที่เฉพาะเจาะจงที่สุดก็คือ การทําคีเลชัน (Chelation) ซึ่งวิธีนี้จะใช้สาร EDTA) (Ethylenediaminetetraacetic acid) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติในการจับกับแร่ธาตุที่มีประจุทั้งหลายอย่างเหนียวแน่น และไม่ยอมปล่อยออกเลย สารตัวนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะอยู่แต่ในกระแสเลือด ไม่เข้าไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อ แต่จะถูกขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งก็จะนําพาโลหะหนัก ในกระแสเลือดติดออกมาด้วย
ดังนั้น การทําคีเลชั่นนี้จึงกําจัดเฉพาะโลหะหนักที่อยู่ในกระแสเลือดเท่านั้น แต่ไม่สามารถกําจัดโลหะหนัก ที่อยู่ในเนื้อเยื่อได้ จึงต้องทําต่อเนื่องหลายครั้งติดต่อกัน (นั่นคือ เมื่อโลหะหนักในเลือดถูกกําจัดออกไป ส่วนหนึ่ง โลหะหนักที่สะสมอยู่ในเนื้อเยื่อก็จะค่อยๆ ทยอยออกมาในกระแสเลือดต่อไป) ระยะห่างแต่ละครั้ง อยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทั่วไปจะทําประมาณ 10-20 ครั้ง แต่ในผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดเสื่อม แนะนําให้ทําถึง 20-40 ครั้ง ก็จะช่วยลดการผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจได้
อนึ่ง ในการทําคีเลชั่นนั้น ต้องอาศัยการขับถ่ายทางไต ผู้ท่าจึงต้องมีค่าการทํางานของไตที่ปกติ (โดยดูจากค่า Creatinine) และต้องค่อย ๆ ให้สารนี้ทางหลอดเลือดช้า ๆ ดังนั้นในการทําคีเลชันแต่ละครั้ง จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง และเนื่องจากแร่ธาตุที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น แคลเซียม แมกเนเซียม สังกะสี มังกานีส เป็นแร่ธาตุที่มีประจุเช่นกันก็จะถูกขจัดออกจากร่างกายโดยวิธีนี้ด้วย ดังนั้น จะต้องทาน แร่ธาตุกลุ่มนี้เสริมด้วยทุกครั้งภายหลังจากการทําคีเลชันเสร็จเป็นระยะเวลาประมาณสัก 1 สัปดาห์
นอกจากการทําคีเลชันจะเป็นการนําสาร EDTA หยดให้ทางหลอดเลือดแล้ว สารนี้ยังอาจจะให้โดยวิธีการ รับประทาน หรือเหน็บเข้าทางทวารหนักได้อีกด้วย เหมาะ สําหรับผู้ที่ไม่มีเวลา หรือไม่สะดวกที่จะให้ทางน้ำเกลือ แต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลงตามลําดับ จึงควรต้องทํา ในระยะเวลาที่นานกว่า
สําหรับโลหะหนักในกลุ่มปรอท อาจจะต้องใช้คีเลชั่นที่เฉพาะเจาะจง กับตัวมัน นั่นก็คือ DMSA (Dimercaptosuccinic acid) ซึ่งอยู่ในรูปยาเม็ดสําหรับ การรับประทาน
