การให้ฮอร์โมนทดแทน
Subclinical Hypothyroidism (ภาวะธัยรอยด์ต่ำแฝง)
ภาวะธัยรอยด์ต่ำแฝงนี้ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในชีวิตสังคมปัจจุบัน พบได้ทั้งในผู้ที่มีอายุมาก หรือในวัยทํางาน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก
- การขาดวิตามินและเกลือแร่บางชนิด
- ความเครียด
- โลหะหนักปนเปื้อนในร่างกาย
- อายุที่มากขึ้น
- โรคเรื้อรัง ยาบางชนิด
- แอลกอฮอล์
- ประวัติการอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก เป็นต้น
ธัยรอยด์ฮอร์โมน จะเป็นฮอร์โมนแห่งการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย เมื่อเรา บริโภคอาหารเข้าไป การเผาผลาญอาหารเหล่านั้นให้เป็นพลังงานต้อง อาศัยธัยรอยด์ฮอร์โมน ดังนั้น เมื่อภาวะธัยรอยด์ฮอร์โมนต่ำลงจนไม่เพียงพอก็จะมีอาการของการขาดพลังงาน ได้แก่
- น้ำหนักขึ้นง่าย (แม้ไม่ค่อยทานอะไร)
- ควบคุมยาก (อดอาหาร ออกกําลังกาย แล้วก็ไม่ค่อยลง)
- อ่อนเพลีย ง่วงนอนบ่อย
- ตื่นสาย เฉื่อยชา
- สมองมึนงง ขี้หลงขี้ลืม สมองไม่แล่น คิดช้า
- ซึมเศร้า หดหูท้อแท้ไม่มีสาเหตุ เบื่อหน่าย เซ็ง
- หงุดหงิดง่าย กระวนกระวาย ตื่นเต้นง่าย
- ท้องผูก
- ผิวแห้ง
- ขี้หนาว
- เปลือกตาบวม นิ้วมือบวมตอนเช้าๆ ตอนสาย ๆ หายไป
- ปวดเมื่อยตามข้อ ตามเนื้อตามตัว
- เสียงแหบ
- ผมแห้ง เล็บฉีกขาดเปราะง่าย
- ประจําเดือนผิดปกติ
หากโดยรวมคุณมีอาการเหล่านี้ ประกอบรวม ๆ กัน 4-6 รายการขึ้นไป ก็อาจจะน่าสงสัย ว่ามีการทํางานของธัยรอยด์ฮอร์โมนไม่เพียงพอ การเจาะเลือดตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และให้ธัยรอยด์ฮอร์โมนชดเชยเสริม ก็จะทําให้อาการต่าง ๆ เหล่านี้หายไป และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
Adrenal fatigue (ภาวะต่อมหมวกไตล้า)
คอร์ติซอล เป็นฮอร์โมนที่ตอบสนองต่อความเครียด หากผู้ที่มีภาวะความเครียดสูง จะทําให้มีฮอร์โมนตัวนี้สูงในช่วงแรก และหากความเครียดยังคงดําเนินต่อไป ร่างกายอาจจะสร้างฮอร์โมนได้ไม่เพียงพอ ก็จะทําให้เกิดภาวะพร่องฮอร์โมนตัวนี้ ที่เรียกว่า ภาวะต่อมหมวกไตล้า คนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะเหล่านี้มักมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้
- นอนดึก
- ตื่นสาย ไม่ทานข้าวเช้า
- ติดกาแฟ ชอบกินของหวาน
- เป็นคนเจ้าอารมณ์
- ทํางานหนัก มีสภาวะความเคร่งเครียด เร่งรีบตลอดเวลา
ADRENAL FATIGUE ภาวะต่อมหมวกไตล้า ก็จะทําให้เกิดอาการดังต่อไปนี้
- อ่อนเพลีย ง่วงนอนบ่อย
- ตื่นสาย
- สมรรถภาพในการทํางานลดลง
- ทนต่อความเครียดไม่ค่อยได้
- ติดกาแฟ
- ชอบทานของหวาน ขนม น้ำตาล
- แพ้ง่าย ผื่นขึ้นง่าย
- เป็นหวัดบ่อย ป่วยบ่อย หายช้า
- มึนงงศีรษะ เวียนหัว หน้ามืด โดยเฉพาะเวลาลุกเปลี่ยนท่าเร็ว ๆ
- มือสั่น ใจสั่น เวลาหิวจัด ๆ
- ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ เห่อมากขึ้น
และหากมีผลกระทบต่อฮอร์โมนอื่น ๆ ให้บกพร่องด้วย ก็อาจจะมีอาการของการพร่อง ฮอร์โมนตัวอื่นด้วย เช่น
- ปวดประจําเดือน
- อาการผิดปกติก่อนมีประจําเดือน PMS
- การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย
- ดื่มน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย
ภาวะอาการเหล่านี้พบได้บ่อยมากขึ้นในปัจจุบัน และต้องการการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง และสมบูรณ์จึงจะทําให้ต่อมหมวกไตฟื้นสภาพกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้ ซึ่งต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจอย่างชัดเจน และการให้ความร่วมมือจากผู้ป่วยอย่างมากอีกด้วย
Menopause (ภาวะวัยทองในผู้หญิง)
โดยธรรมชาติ เมื่อถึงวัย 48-52 ปี ในสตรีทุกคน รังไข่จะเริ่มหยุดทํางานก็จะส่งผลให้การสร้างฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่ เอสโตรเจนและโปรเจสเทอโรนลดลง ดังนั้นเซลหรืออวัยวะต่าง ๆ ที่เคยได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยฮอร์โมนเหล่านี้ก็จะเริ่มเสื่อมโทรมลงไปตามกาลเวลา ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในสตรีวัยทอง
- ผิวหนังบางลง มีริ้วรอยแห่งวัยเพิ่มขึ้น ผิวแห้งมากขึ้น หรือ ผิวมัน เป็นสิว
- เต้านมมีขนาดเล็กลง
- ไม่สามารถทนต่อความเครียดได้ หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า
- ร้อนวูบ ๆ วาบ ๆ
- ช่องคลอดแห้ง
- ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ความต้องการทางเพศลดลง
- ความสามารถในการจําลดลง คิดช้าลง
- เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล
- เพิ่มภาวะดื้อต่ออินซูลินและเป็นไปได้ที่จะเพิ่มการเกิดโรคเบาหวาน
นอกจากอาการดังกล่าวข้างต้น อวัยวะที่มีความสําคัญและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ในระยะยาวก็เสื่อมลงด้วย ได้แก่
- ภาวะกระดูกบาง หรือกระดูกพรุน
- ภาวะหลอดเลือดและหัวใจเสื่อม
- ภาวะสมองเสื่อม
ดังนั้น การให้ฮอร์โมนเสริมในวัยทองจึงมีบทบาทที่สําคัญ เพื่อช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเสื่อมของอวัยวะดังกล่าวข้างต้น ซึ่งในปัจจุบันการให้ฮอร์โมนเสริมในศาสตร์ชะลอวัย ได้มีการพัฒนาเป็นรูปแบบชนิดฮอร์โมนธรรมชาติ (Bio-Identical Hormonal Replacement Therapy) ซึ่งนอกจากจะให้ผลการตอบสนองต่อร่างกายเหมือนธรรมชาติทุกประการ ไม่มีผล ข้างเคียงแทรกซ้อนเหมือนฮอร์โมนสังเคราะห์ เช่น อ้วนขึ้น บวมน้ำ ฝ้าขึ้น หรือระดับไขมันในเลือดผิดปกติแล้ว ยังไม่มีผลเพิ่มอัตราความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม เยื่อบุโพรงมดลูก และรังไข่อีกด้วย
การให้ฮอร์โมนเสริมในสตรีวัยทองในปัจจุบัน จึงมีประสิทธิภาพที่สูงและความปลอดภัย ในการใช้อย่างต่อเนื่องยาวนาน เพื่อส่งผลให้สตรีไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชะลอวัย และห่างไกล จากภาวะเสื่อมถอยของอวัยวะและร่างกายในระยะยาวได้อีกด้วย
Andropause (ภาวะวัยทองในผู้ชาย)
สําหรับในผู้ชาย มีความแตกต่างจากเพศหญิงตรงที่อัณฑะสามารถสร้างเซลอสุจิและฮอร์โมนเพศชายได้ตลอดชีวิต ทําให้อาการขาดฮอร์โมนเพศชายจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อผู้ชายเริ่มมีอายุมากขึ้น การสร้างฮอร์โมนเพศชายก็จะลดน้อยถอยลงตามไปด้วย ดังนั้นในผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดีกว่าจะเริ่มอาการขาดฮอร์โมนเพศชายมักจะเริ่มที่ อายุประมาณ 75-85 ปี
แต่ในสังคมปัจจุบัน เราพบว่าเพศชายส่วนใหญ่ มีภาวะฮอร์โมนเพศชายบกพร่องเร็ว ก่อนวัยอันควร คืออาจพบได้ตั้งแต่อายุ 35-45 ปี ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็เกิดจากความเครียดในชีวิตประจําวัน กาแฟ บุหรี่ แอลกอฮอล์ โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ ภาวะหลอดเลือดเสื่อม เป็นต้น
อาการโดยรวมต่อไปนี้ อาจบ่งชี้ภาวะการบกพร่องของฮอร์โมนเพศชาย
- ความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปลดลง
- เหงื่อออกมากกว่าปกติ
- อ่อนเพลีย ต้องการนอนมากขึ้น
- ประสาทเครียด
- หมดแรง ไม่มีชีวิตชีวา
- รู้สึกว่าตนเองผ่านช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตไปแล้ว
- หมดไฟ ชีวิตตกต่ำ
- ความสามารถและความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์น้อยลง
- จํานวนครั้งของการแข็งตัว ขององคชาติตอนเช้าลดลง
- ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
- มีปัญหาการนอนหลับ
- หงุดหงิดง่าย
- วิตกกังวล
- ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
- อารมณ์ซึมเศร้า
- หนวดเคราขึ้นช้าลง
- ความต้องการทางเพศลดลง