ไม่อ้วนเอาเท่าไหร่

ไม่อ้วนเอาเท่าไร

บอกซิเออ เธอจะเอาเท่าไร เอาเท่าไร ไม่อ้วนเอาเท่าไร ฟังเพลงนี้แล้วก็นึกถึงหลายคนที่มีแฟนหรือคุณสามี หรือคุณพ่อคุณแม่จ้างวานให้ลดน้ำหนักเป็นการด่วน แต่ดูเหมือนว่าการทำอย่างอื่นน่าจะได้เงินง่ายและเร็วกว่าการจ้างลดน้ำหนักซะด้วยซ้ำ เหตุผลน่ะหรือ ก็ลองมาหลายวิธีแล้วไง ยังไง เจ้าไขมันหรือความอ้วนนี่ก็ไม่ยอมเลิกสัมพันธภาพกับเราเสียที เอาละ! อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะในศาสตร์ชะลอวัยนี้ เราพบว่าหากคุณค้นหาสาเหตุแห่งความอ้วนแฝงนี้เจอและแก้ไขที่ต้นเหตุได้แล้วละก็ คุณก็จะสามารถกลับมาดูดี ผอมเพรียว สลิมเรียวให้หลายคนเหลียวมอง โดยไม่ต้องจ้างวาน และยังผอมได้แบบคุณภาพดี ไม่เหี่ยว ไม่โทรม และไม่มีโยโย่กันอีกด้วยเลยทีเดียว

ต้นเหตุของความอ้วน เราพบว่ามีอยู่จำนวนเล็กน้อยที่ภาวะอ้วนเกิดจากโรคหรือภาวะอื่นนำมาก่อน หรือที่เราเรียกว่าอ้วนทุติยภูมิ (Secondary Obesity) เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ ยาสเตียรอยด์ โรคความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด ฯลฯ ซึ่งภาวะเหล่านี้เกิดจากโรคหรือยานั้น ๆ เป็นต้นเหตุหลัก และก่อให้เกิดภาวะอ้วนตามมาหากต้นเหตุเหล่านั้นยังคงอยู่ก็ยากที่จะควบคุมความอ้วนให้เป็นปกติได้

หากไม่นับภาวะอ้วนจากโรคหรือภาวะอื่นนี้แล้ว ภาวะอ้วนส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มอ้วนตรงไปตรงมา หรืออ้วนปฐมภูมิ (Primary Obesity) ภาวะนี้พบได้เกือบ 90-95 เปอร์เซ็นต์ของภาวะอ้วนทั้งหมด ซึ่งสาเหตุก็อาจจะเกิดจากพันธุกรรม การทานอาหารมากไป ไม่ค่อยได้เผาผลาญ หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย อย่างที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันดีอยู่นั่นแหละ

ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอก ซึ้งอยู่ในใจว่าที่เราอ้วนอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะใคร หรือเพราะอะไร และถ้าจะให้ลดน้ำหนักที่ต้นเหตุด้วยการควบคุมการทานและออกกำลังกาย ซึ่งเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ก็เป็นไปได้ยากเต็มที ทำให้หลายคนหวังไปพึ่งสถานลดน้ำหนัก เครื่องมือลดน้ำหนัก หรือวิธีการอื่น ๆ เพียงเพราะว่าง่ายกว่า สะดวกกว่า (แต่เหตุผลลึก ๆ แล้วก็คือยังอยากกินของชอบอยู่เหมือนเดิมนั่นเอง ถ้าให้อดเพื่อความผอมน่ะเหรอ ยาก!!!!) ซึ่งวิธีเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการแก้ที่ปลายเหตุ อาจได้ผลเพียงแค่ชั่วคราว หรือบางทีก็ไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ เสียเงินเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ (อย่างที่หลายคนที่เคยมีประสบการณ์ก็จะรู้ดี) เพราะอย่างไรก็ตาม การควบคุมอาหาร ปรับพฤติกรรมการบริโภค ปรับวิถีชีวิตประจำวัน และเพิ่มโปรแกรมการออกกำลังกาย ก็ยังเป็นสิ่งเดียวที่เป็นทางออกที่ถูกต้องและถูกทาง อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว โดยที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดอีกด้วย (โดยอาจมีเครื่องมือเข้าช่วยบ้าง เช่น อาหารซองลดน้ำหนัก อาหารเสริมบล็อกการย่อยและการดูดซึมของแป้งหรือไขมัน หรืออาหารเสริมช่วยการเผาผลาญไขมันต่าง ๆ เป็นต้น)

แต่หลายคนที่เคยตั้งใจทำการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ถูกต้องอย่างตั้งใจจริงจังเต็มที่แล้ว ก็ยังมีไม่น้อยที่พบว่าน้ำหนักไม่ได้ลดลงอย่างที่หวัง จนแทบจะหมดหวังเลยทีเดียว ซึ่งในคนกลุ่มนี้ เราพบว่าอาจเกิดจากต้นเหตุของความอ้วนแฝงเร้นอยู่ (คล้าย ๆ กับภาวะอ้วนทุติยภูมิที่มีสาเหตุอื่นเป็นต้นเหตุแห่งความอ้วนอยู่ หากไม่ได้ขจัดสาเหตุเหล่านั้นเสีย ก็อย่าหวังว่าจะลดได้ตามที่ฝัน) เพียงแต่สาเหตุเหล่านั้นทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่จัดว่าเป็นโรค มันเป็นเพียงภาวะการทำงานบกพร่องหรือแปรปรวน โดยมีดีกรีที่ยังไม่รุนแรง แต่ก็ส่งผลต่อภาวะสมดุลของร่างกายที่ปกติด้วยเช่นกัน เราพบว่าคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหากับการควบคุมน้ำหนักอย่างถูกวิธีแล้วไม่ได้ผลมักมีปัจจัยภาวะอ้วนแฝงเหล่านี้เป็นสำคัญ และเมื่อได้ขจัดหรือบำบัดสาเหตุเหล่านี้ เขาเหล่านั้นก็พบว่าน้ำหนักจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเช่นกัน ภาวะสาเหตุของอ้วนแฝงเหล่านี้ ได้แก่

เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน สาเหตุส่วนใหญ่มิได้เกิดจากต่อมธัยรอยด์สร้างฮอร์โมนไม่ได้ แต่มักเกิดจากการสร้างฮอร์โมนได้ไม่พอใช้ หรือร่างกายไม่สามารถนำฮอร์โมนไปใช้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากอายุที่มากขึ้น ความเครียด ความเจ็บป่วยเรื้อรัง มลพิษและมลภาวะ ขาดวิตามินหรือเกลือแร่บางชนิด ส่วนใหญ่มักพบว่าความอ้วนหรือน้ำหนักของเขาไม่ค่อยสัมพันธ์กับการทานอาหาร คือทานไม่ได้เยอะเท่าไร แต่ก็อ้วนเอา อ้วนเอา หรือแม้จะควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีคุมอาหารแล้วก็ไม่ได้ผล มักพบว่ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

  • อาการเหนื่อยง่าย
  • อ่อนเพลียบ่อย
  • นอนตื่นสาย
  • สมองตื้อๆ คิดอะไรไม่ออก
  • ไม่แจ่มใส
  • ซึมเศร้า
  • ขี้หลงขี้ลืม
  • ท้องผูก
  • ผิวแห้ง
  • ขี้หนาว
  • มื้อหรือเท้าเย็น
  • ปวดเมื่อยตามข้อ
  • บวมตามเปลือกตาหรือนิ้วมือเป็น ๆ หาย ๆ

ดังนั้น หากตรวจพบต้นเหตุนี้ การให้ฮอร์โมนส์ธัยรอยด์ชนิดธรรมชาติเสริม ร่วมกับการปรับสมดุลไลฟ์สไตล์ที่ถูกต้อง จะช่วยให้น้ำหนักกลับมาเป็นปกติ และอาการต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นดีขึ้นอีกด้วย

เป็นภาวะที่พบเจอได้บ่อยในปัจจุบันอีกเช่นกัน ภาวะนี้ก่อให้เกิดการอักเสบของลำไส้เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างกว้างขวางอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันเราพบว่าภาวะการอักเสบเหล่านี้ ยิ่งเรื้อรังไปนาน ๆ สารก่อการอักเสบที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้เซลล์ไขมันเกิดการสะสมไขมันมากขึ้น และเซลล์ไขมันเองยังสามารถสร้างสารสื่อการอักเสบผสมโรงเข้าไปอีก ทำให้คนกลุ่มนี้ค่อย ๆ อวบอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว จนคิดไปว่าเป็นปกติตามวัยของเรา โดยหารู้ไม่ว่าอาหารที่ตนชอบทานอยู่เป็นประจำนั้นอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนแคลอรี่โดยตรงเท่าไรนัก ในคนกลุ่มนี้มักจะเห็นภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายแปรปรวนในส่วนอื่น ๆ ด้วย เช่น

  • ผื่นแพ้ตามใบหน้าหรือผิวหนังตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ 
  • สิวเรื้อรังในวัยผู้ใหญ่ 
  • ท้องอืด 
  • มีลมมีแก๊สในท้องมาก 
  • ท้องบวมๆ ยุบ ๆ หรือบางคนจะรู้สึกท้องบวมท้องอืดตึง 
  • หน้าบวมตึงทันทีภายหลังจากบริโภคอาหารมื้อใหญ่ ๆ 

ในคนกลุ่มนี้ หากงดบริโภคอาหารที่ตนเองแพ้ (ซึ่งทราบได้จากการตรวจภาวะแพ้อาหารแฝง) จะพบว่าน้ำหนักสามารถลดลงได้อย่างรวดเร็วโดยที่แทบจะไม่ต้องจำกัดแคลอรีหรือปริมาณอาหารที่ทานเท่าไรนัก รวมไปถึงภาวะอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน

สารพิษหรือสารโลหะหนักเป็นพิษในร่างกายมีทฤษฎีความอ้วนหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า บางครั้งมนุษย์เราจะเก็บสะสมไขมันเอาไว้เพื่อปกป้องสารพิษต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในตัวเรา และร่างกายไม่สามารถขจัดออกได้ หรือขจัดได้ไม่ทัน เหตุเป็นเพราะว่าอาหารหรือสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรานี้เต็มไปด้วยมลพิษมลภาวะเยอะแยะมากมายตามวิวัฒนาการความเจริญของมนุษย์ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว หากร่างกายไม่สามารถขจัดออกไปได้ หรือขจัดไม่ทัน สารพิษเหล่านั้นจะถูกสะสมอยู่ตามระบบน้ำเหลือง เข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง และย้อนไปตามเซลล์ไขมันที่อยู่รอบๆ ต่อมน้ำเหลืองเหล่านั้น เพราะสารพิษส่วนใหญ่สามารถละลายได้ในไขมันนั่นเอง ร่างกายจึงพยายามที่จะไม่ให้สารพิษเหล่านั้นกระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ ของร่างกาย จึงต้องสงวนไขมันส่วนนั้นไว้ ไม่สามารถขจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย แม้จะพยายามลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีหรือเต็มที่เท่าไรก็ตาม เจ้าตัวมักจะพบว่าไขมันส่วนนี้แทบไม่สูญสลายหรือขจัดออกไปได้เลย ไขมันส่วนนี้มักอยู่ตามบริเวณต่อมน้ำเหลืองสำคัญๆ ของร่างกาย เช่น

  • หน้าท้อง 
  • ต้นขา 
  • สะโพก 
  • เหนือหัวเข่า 
  • ต้นแขน 
  • ใต้คาง 
  • หนอกหลัง  
  • ปีกหลัง 

ดังนั้นจึงมีวิธีการล้างสารพิษในแบบต่างๆ เข้าร่วมในการรักษาเพื่อขจัดไขมันส่วนนี้ แต่หากต้องการความรวดเร็วอาจจะต้องใช้วิธีการขจัดออกเฉพาะส่วน เช่น การดูดหรือการฉีดสลายไขมันร่วมด้วย ความเครียดเรื้อรัง เราพบว่าความอ้วนสัมพันธ์กับความเครียดมากขึ้นในวิถีชีวิตของโลกปัจจุบัน โดยฮอร์โมนที่ตอบสนองต่อความเครียดนี้คือ คอร์ติซอล ซึ่งอาจทำให้เราซูบผอมลงในช่วงแรก ๆ ได้เนื่องจากมันมีฤทธิ์ในการสลายไขมันและมวลกล้ามเนื้อ ดังนั้นในช่วงที่ร่างกายเผชิญภาวะเครียดใหม่ ๆ ก็อาจทำให้คน ๆ นั้นดูซูบผอมสักระยะหนึ่ง หากความเครียดนั้นเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน ร่างกายจะเริ่มเกิดการปรับตัว และเจ้าฮอร์โมนตัวนี้ก็กลับทำให้ร่างกายสะสมไขมันเพิ่มขึ้นในระยะยาวแทน เราพบว่าสาเหตุนี้มักทำให้คน ๆ นั้นกลับมาอ้วนขึ้นใหม่ หรือไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้ดีเท่าที่ควร หากไม่ค้นหาสาเหตุและขจัดหรือปรับพฤติกรรมที่เป็นต้นเหตุแห่งความเครียดนั้นเสีย นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการใช้อาหารเสริมที่มีองค์ประกอบของสารอาหารหรือพฤกษเคมีหลายชนิดที่เข้าไปควบคุมหรือปรับสมดุลฮอร์โมนแห่งความเครียดนั้น ๆ ซึ่งพบว่าได้ผลดีในการลดหรือควบคุมน้ำหนักพอสมควรเลยทีเดียว

ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้คนที่มีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ดี เช่น

  • การบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต แป้ง ข้าว ขนมปัง น้ำอัดลม ขนมหวาน บ่อย ๆ และมากเกินไป  
  • การไม่ทานอาหารเช้า 
  • การทานมื้อดึก 
  • การบริโภคอาหารแต่ละมื้อมากเกินขนาด 
  • ไม่ค่อยออกกำลังกาย 
  • ความเครียด 

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เซลล์ของร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ลดลง รวมถึงพัฒนาไปสู่ภาวะที่มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ ความดันโลหิตสูง ไขมันสะสมรอบเอว และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ ซึ่งนำไปสู่โรคเบาหวาน หากมีลักษณะเหล่านี้หลายๆ อย่างรวมกัน ก็จะจัดเป็นภาวะที่เรียกว่าโรคอ้วนลงพุง (Metabolic Syndrome X) ซึ่งพบได้บ่อยในคนแถบยุโรปและอเมริกา ภาวะนี้อันตรายเพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองเสื่อม ซึ่งเป็นสาเหตุของอัตราการเสียชีวิตในปัจจุบัน การแก้ไขภาวะนี้ต้องเน้นที่การปรับพฤติกรรมการบริโภค รวมทั้งคุณภาพของอาหารที่ทานเข้าไป และวินัยในการทานเป็นสำคัญ อีกทั้งอาหารเสริม วิตามิน เกลือแร่ และสมุนไพรหลายชนิดก็มีบทบาทในการกระตุ้นและปรับปรุงการตอบสนองของเซลล์ต่อฮอร์โมนอินซูลินด้วยเช่นกัน

โดยปกติแล้ว ฮอร์โมนเพศหญิงมีส่วนสำคัญในการสะสมไขมันตามตัว ซึ่งทำให้มีสรีระแตกต่างจากผู้ชาย แต่ในบางครั้งที่ฮอร์โมนเหล่านี้ไม่สมดุล ก็อาจก่อให้เกิดภาวะอ้วนได้ เราจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในผู้หญิงแถบยุโรปหรืออเมริกาที่มีลักษณะของไขมันสะสมตามกายภาพของลักษณะความเป็นหญิงมากเกินไป เช่น หน้าอกใหญ่จนล้น หรือสะโพกปลิ้นออกเป็นปีกคลุมเก้าอี้ที่นั่งจนมิด เป็นต้น ในภาวะนี้เจ้าตัวมักมีอาการไม่สมดุลของฮอร์โมนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนผิดปกติ หรือ ภาวะมีบุตรยาก

ภาวะการอ้วนแบบนี้อาจต้องอาศัยการปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งค่อนข้างซับซ้อน และหากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อาจต้องใช้วิธีดูดหรือฉีดสลายไขมันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้ผลทันใจ

จะเห็นได้ว่า ยิ่งโลกมีการพัฒนาอย่างสลับซับซ้อนมากขึ้นเท่าไร โรคต่าง ๆ ก็มีการพัฒนาขึ้นไม่น้อยหน้าด้วยเช่นกัน แต่ศาสตร์แห่งการชะลอวัยยังสามารถบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและแก้ไขก่อนที่จะเกิดเป็นโรค อีกทั้งยังเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ซึ่งสามารถนำไปสู่การมีสุขภาพสมบูรณ์สูงสุดได้อีกด้วย แล้วคุณล่ะ! (หรือคนรอบข้างของคุณ) ที่มีปัญหาอ้วนท้วน อวบอิ่ม หรือสมบูรณ์พูนสุข ฯลฯ มีต้นเหตุแห่งภาวะอ้วนแฝงเหล่านี้หรือไม่ และได้รับการวิเคราะห์วินิจฉัย หรือหาทางแก้ไขกันบ้างหรือยังครับ

ด้วยความปรารถนาดีครับ!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *